FREEDOM FiX CR

post:

Browse »Home » » สัญลักษณ์ 2G, G, E, 3G, H, H+, R มันคืออะไร? เมื่อเราต่อเน็ทบนมือถือ

สัญลักษณ์ 2G, G, E, 3G, H, H+, R มันคืออะไร? เมื่อเราต่อเน็ทบนมือถือ

3G
ในปัจจุบันที่มีการใช้งานเครือข่าย 3G กันเพิ่มขึ้น และมีพื้นที่การใช้งานขยายวงกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในหลายพื้นที่ทั้งในหัวเมืองต่างๆ และการใช้งานเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทบนมือถือก็มีผู้ใช้งานเพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน และในหลายครั้งที่ผู้ใช้งานเองอาจจะประสบปัญหาเรื่องของความเร็วในการใช้งานอินเตอร์เน็ทที่ช้าบ้างเร็วบ้าง วันนี้เราเลยมีขั้นตอนการสังเกตุง่ายสำหรับการใช้งานจากสัญลักษณ์ที่ปรากฎบนเสารสัญญาณบนมือถือของเรา
ที่บริเวณเสาสัญญาณบนหน้าจอมือถือจะมีการแสดงผลนอกจากปริมาณความเข้มของสัญญาณแล้ว ยังจะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษแสดงควบคู่กันไปด้วย ดังนี้

2G (GSM) กับความเร็วปกติที่สุด

  • G (GPRS – General Packet Radio Service) ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดจะอยู่ที่ 48 Kbps
  • E (EDGE – Enhance Datarate for GSM Evolution) ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 236 Kbps
สำหรับบางรุ่นที่ไม่มีการแยกความเร็วในมันจะขึ้นว่า 2G — 3G (WCDMA)
  • 3G  หรือ EDGE+ ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 384 kbps
  • H    (HSPA – High Speed Packet Access)  ความเร็วอินเตอร์เนตสูงสุด 7.2-14.2 Mbps
  • H+ (HSPA+ – High Speed packet access Plus) ความเร็วอินเตอร์เน็ตสูงสุด 21-42 Mbps
4G***
  • จะสามารถเล่นบนคลื่นความถี่ 2100 2500 และ 2600 ขึ้นอยู่กับภูมิภาคและผู้ให้บริการ ในขณะนี้ประเทศไทยได้มีแค่การรับรองมาตรฐานบนคลื่นความถี่ 2100 เท่านั้น ดีแทคเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 รุดหน้าเปิดบริการ 4G LTE จะสามารถเล่นบนคลื่นความถี่ 2100 2500 และ 2600
  • 4G LTE มีความสามารถดาวโหลดได้สูงถึง 100Mbps ความเร็วอับโหลด 50Mbps และปิงต่ำกว่า 10 มิลลิวินาที โดยมีแบนด์วิทธ์อยู่ในช่วงระหว่างช่วง 1.4Mbps ถึง 20Mbps
R – Roaming
ส่วนบางคนที่เห็นตัวอักษร R มันคือ Roaming หมายถึง ช่วงเวลาที่โทรศัพท์ของคุณใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณไม่ได้เป็นเจ้าของในการส่งและรับข้อมูลส่วนใหญ่จะใช้กันเวลาที่เราเดินทางไปต่างประเทศ เช่น เราใช้เครือข่าย AIS อยู่และจะไปต่างประเทศซึ่งเราก็ต้องติดต่อขอ Roaming กับทาง AIS ก่อน เวลาที่เราไปต่างประเทศแล้วเราก็จะสามารถใช้มือถือได้เหมือนกับตอนที่อยู่ประเทศไทย เพียงแต่ใช้เสาสัญญาณของที่ต่างประเทศครับ ซึ่งการ Roaming แบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะมาๆ ใครคิดจะใช้ควรศึกษาให้ดีๆเลยนะครับ พลาดทีโดนไปเป็นหมื่นเลย
ส่วนถ้าเป็นในประเทศไทยเองมันจะเป็นการ Roaming เพื่อหาสัญญาณครับเช่น ถ้าคุณใช้ทรูเวลาที่มันหาสัญญาณของ TrueMove-H ไม่ได้มันก็จะค้นหาสัญญาณ True Move ให้แทนครับ (รู้สึกว่าจะมีค่ายเดียวนะที่เป็น)ซึ่งจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ แต่มันจะซดแบตนึดนึงเพราะต้องค้นหาสัญญาณอยู่เรื่อยๆ
Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

แสดงความคิดเห็น

 
Kerangka Template by creating website » Template modify by panjz online